Nutro imagery
Sheba Hope loading
Loading...
Local islander holding up Reef Star

คำถามที่พบบ่อย

ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ "โฮป รีฟ" ของชีบา® หรือไม่?

อ่านคำถามที่พบบ่อยของเราเพิ่มเติม

"โฮปรีฟ" ตั้งอยู่ที่ไหน?

"โฮปรีฟ" อยู่บริเวณนอกชายฝั่งสุลาเวสีในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ใจกลางสามเหลี่ยมปะการังของโลกในหมู่เกาะ Spermonde

เหตุผลที่ บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ และ แบรนด์ ชีบา® ต้องการฟื้นฟูแนวปะการัง?

บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ เป็นบริษัทแม่ของ แบรนด์ ชีบา® นั่นแปลว่าเรากำลังร่วมมือกันฟื้นฟูแนวปะการัง

หากไม่เริ่มต้นทำอะไรในตอนนี้ แนวปะการัง 90% จะถูกทำลายภายในปี 2043 ซึ่งจะส่งผลคุกคาม 25% ต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลทั่วโลก และส่งผลเสียต่อผู้คนมากถึง 500 ล้านคน รวมถึงส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค พนักงาน ซัพพลายเออร์ และธุรกิจของเรา ในฐานะที่เราเป็นบริษัทที่มีบริษัทลูกในหลากหลายประเทศ เรามีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการ

บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ มีประสบการณ์ในการฟื้นฟูแนวปะการังอย่างไรบ้าง?

ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ ได้ลงมือทำงานด้านการฟื้นฟูแนวปะการัง โดยลงทุนมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์ในการวิจัย สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วมกับชุมชน นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งชิ้นส่วนปะการังมากกว่า 285,000 ชิ้น และรีฟ สตาร์ 19,000 ชิ้น โดยทั้งหมดใช้วัสดุที่มาจากท้องถิ่น โครงการฟื้นฟูแนวปะการังของเราอยู่ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ เดวิด สมิธ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ทางทะเล

เราต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อความเป็นอยู่ของมหาสมุทรในอนาคต เราจึงมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด

แผนการฟื้นฟูแนวปะการังส่งผลอย่างไรบ้าง? เรากำลังสร้างแนวปะการังที่ไหนบ้าง?

ภายในสิ้นปี 2029 เราวางแผนที่จะฟื้นฟูพื้นที่ขนาดมากกว่า 185,000 ตารางเมตรทั่วโลก (ขนาดประมาณสระว่ายน้ำโอลิมปิก 148 แห่ง) 

สถานที่สำคัญที่ทำการฟื้นฟู ได้แก่ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เม็กซิโก เซเชลส์ และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา

ทำไมถึงเลือกสถานที่เหล่านี้สำหรับการฟื้นฟูแนวปะการัง?

เราพยายามมุ่งเน้นไปยังสถานที่ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ข้อมูลว่ามีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ สถานที่ที่เราทำการฟื้นฟูนั้น ได้รับคัดเลือกตามความสำคัญทางนิเวศวิทยา และต้องการในการฟื้นฟู ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของแนวปะการังอีกด้วย

เราจะหาเงินเพื่อการฟื้นฟูแนวปะการังจากช่องยูทูบได้อย่างไร?

เราได้ร่วมมือกับ Google เพื่อสร้างช่องยูทูบของแบรนด์ที่มีความแตกต่างและมีความสามารถในการสร้างรายได้ 

ทุกครั้งที่มีการรับชมวิดีโอในช่อง เราจะได้รายได้จากโฆษณาที่สร้างขึ้น ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะถูกบริจาคให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่างองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ในสนับสนุนการฟื้นฟูปะการัง

ยิ่งมีการรับชมวิดีโอและมีส่วนร่วมมากเท่าไหร่ เงินในการสนับสนุนก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น!

รายได้ที่มาจากการรัมชมวิดีโอจะถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง?

องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ จะนำเงินที่ได้ไปสร้างโครงการฟื้นฟูปะการังทั่วโลกมากขึ้น

ใครเป็นพันธมิตรในโครงการฟื้นฟูแนวปะการังของเราบ้าง?

  • องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ
  • National Geographic
  • องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF)
  • มาตรฐาน MSC
  • โครงการ Seafood Watch ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์
  • มาตรฐาน ASC
  • โครงการริเริ่มแนวปะการังระหว่างประเทศ (ICRI)
  • องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)

นอกจากนี้ยังมีทีมงานวิจัยและสถาบันการศึกษาอีกมากมาย รวมถึง Universitas Hasanuddin ของอินโดนีเซียอีกด้วย

เข้าชมเว็บไซต์พันธมิตรของเราเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม

คุณสามารถมีส่วนร่วมอย่างไรได้บ้าง?

รับชมและแชร์วิดีโอเกี่ยวกับการปลูกปากะรังจากช่องของเรา โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คำถาม "เราจะหาเงินเพื่อการฟื้นฟูแนวปะการังจากช่องยูทูบได้อย่างไร?"

ปลาที่เราเลือกใช้ในอาหารและผลิตภัณฑ์ของ ชีบา® มาจากแหล่งที่มาที่ยั่งยืนหรือไม่?

เราภูมิใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า ภายในสิ้นปี 2020 นั้น 81% ของปลาที่ใช้ในสูตรอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา มาจากแหล่งที่มีการจัดหาปลาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของเรา และเราจะยึดแนวทางการเลือกใช้ปลาที่จัดหามาด้วยวิธีที่ยั่งยืนแบบ 100% ต่อไป

บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ มีเป้าหมายที่จะหาแหล่งวัตถุดิบจากการประมงที่มีแนวทางรักษาความหลากหลายของระบบนิเวศของปลา รวมถึงมุ่งมั่นที่จะไม่จัดหาปลาที่ใกล้สูญพันธุ์ตามการประเมินขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)

นอกจากนี้ มาร์ส เพ็ทแคร์ ยังพยายามลดการใช้ส่วนผสมของปลาลงให้น้อยที่สุด แต่ยังคงอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อการบริโภค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดแรงกดดันในการจัดหาอาหารและระบบนิเวศของมนุษย์

วัตถุดิบของเรามีแหล่งที่มาแบบยั่งยืนหรือไม่?

เราอยู่ในช่วงดำเนินการเพื่อทำให้ 100% ของปลาที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของเรามาจากแหล่งที่ยั่งยืน 

นอกจากนี้เรายังทุ่มเททำงานเพื่อให้มั่นใจว่าห่วงโซ่อุปทานของเราจะมีความยั่งยืน และได้ทำประโยชน์ให้กับโลก ผู้คน และทรัพยากรต่างๆ ด้วย

เราให้ความสำคัญกับส่วนประกอบหลักมากเป็นพิเศษ แต่นอกเหนือจากจัดการเรื่องการหาปลาแล้ว เราก็กำลังแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าที่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดหาเนื้อวัว ถั่วเหลือง และกระดาษ

และเรากำลังดำเนินการเพื่อลดการใช้วัสดุที่ใช้ในห่วงโซ่อุปทานของเราอีกด้วย

รายละเอียดบนบรรจุภัณฑ์อาหารส่วนไหนบ้าง ที่ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ว่าแบรนด์ ชีบา® เลือกใช้วัตถุดิบมีแหล่งที่มาอย่างยั่งยืน?

สำหรับในสหรัฐอเมริกา ผู้บริโภคสามารถสังเกตข้อความที่ระบุว่า เลือกใช้ปลาทูน่าจากแหล่งที่ยั่งยืน บนบรรจุภัณฑ์อาหาร ส่วนในยุโรป คุณจะเห็นตราประทับสีฟ้าของ Marine Stewardship Council (MSC) ที่รับรองว่าปลาที่เราเลือกใช้มาจากแหล่งที่ยั่งยืน 100%  เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีแหล่งที่มาอย่างยั่งยืน 100% เราจะแจ้งให้คุณทราบทันทีที่เราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ คุณสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมผ่านทางร้านค้าและเว็บไซต์ของเราได้

บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ชีบา® สามารถนำมารีไซเคิลได้หรือไม่?

เรารู้ว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เราต้องจัดการเกี่ยวกับประเด็นนี้ และเราได้วางแผนที่จะลงมือทำเอาไว้แล้ว โดยบริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ มุ่งมั่นที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์สามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ ชีบา® ด้วย

ถาดอลูมิเนียม กระป๋อง และปลอกกระดาษแข็งทั้งหมดที่มาจากบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ ชีบา®มักถูกนำไปรีไซเคิลในตลาดสำคัญๆ

นอกจากนี้เรากำลังปรับเปลี่ยนการออกแบบซองบรรจุภัณฑ์และวัสดุที่ใช้ในการผลิตเพื่อให้สามารถรีไซเคิลได้อีกด้วย

ปัจจุบัน 98% ของกระดาษทั้งหมดที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ของเรา มาจากเส้นใยรีไซเคิลและ / หรือเส้นใยที่ผ่านการรับรองแล้ว

เราจะยกเลิกการใช้พลาสติกห่อหุ้ม (บรรจุภัณฑ์รอง) ออกจากซองบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ ชีบา® และแบรนด์ Perfect Fit และภายในปี 2021 เราจะเปลี่ยนไปใช้กระดาษรีไซเคิลแทน ซึ่งจะช่วยประหยัดพลาสติกบริสุทธิ์ได้ประมาณ 100 ตันต่อปี

ในปี 2020 เราได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบใช้ซ้ำได้เป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากนำบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ Perfect Fit และ Loop ในฝรั่งเศส 

ขณะนี้เรากำลังดำเนินการลดปริมาณพลาสติกที่เราใช้ลง เพื่อเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิล และเพื่อสนับสนุนระบบการจัดการขยะที่ดีขึ้นตามมาตรฐานระดับต่างๆ ทั่วโลก

บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ จะปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้อย่างไรบ้าง?

สำหรับประเด็นนี้ทางเราขอชี้แจ้งว่า ถาดอะลูมิเนียม กระป๋อง และปลอกกระดาษแข็งทั้งหมดจากบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ ชีบา® จะถูกนำไปรีไซเคิลในตลาดสำคัญๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากคำถามก่อนหน้านี้

ทำไมเราต้องฟื้นฟูแนวปะการัง? การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพฤติกรรมของมนุษย์เป็นต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงใช่หรือไม่?

เรารู้ว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา ในตอนนี้แนวปะการังกำลังจะตาย แต่เราสามารถช่วยฟื้นฟูมันได้

เราสามารถรักษาปะการังและถิ่นที่อยู่ของสัตว์น้ำให้คงอยู่ต่อไปได้ และยังช่วยชุมชนท้องถิ่นบนเกาะต่างๆ ได้อีกด้วย ในขณะที่โลกต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยิ่งมีปะการังมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีจำนวนปลาเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

นอกเหนือจากการทำงานอย่างเต็มที่แล้ว เราก็ขอมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เราได้กำหนดเป้าหมายที่ท้าทายไว้แล้วตามแผนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐของเรา

บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างไรบ้าง?

เราตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2025 เราจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากธุรกิจทั้งหมดลง 27% นี่คือเกณฑ์ที่ระบุไว้ใน "ความตกลงปารีส" หรืออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงเป็นคำแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์ที่กล่าวว่าควรเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันไม่ให้โลกร้อนขึ้นอีก

นอกจากนี้ บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ ยังได้รับเลือกให้เป็น ‘Business Avenger’ ตามเป้าหมายที่ 14 ‘Life Below Water’ ของแผนการพัฒนาโลกเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) โดยสหประชาชาติ (UN) และด้วยความมุ่งมั่นนี้ เราจะทำงานร่วมกับ UN และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและความร่วมมือตามเป้าหมายที่ 14 ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์และใช้มหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน แต่น่าเสียดายที่เป้าหมายนี้ไม่ได้รับความสำคัญจากประชาคมโลกเสมอไป มันยังคงมีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกมากมายที่เราต้องเอาชนะไปให้ได้ สิ่งนี้ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ จึงให้ความสำคัญกับหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและอยู่เบื้องหลังปัญหาสำคัญนี้ รวมถึงจะทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นอีกด้วย

เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามมาตรฐานระดับสากล เรากำลังดำเนินการปรับปรุงวิธีการผลิตอาหารตลอดจนปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานที่ขยายออกไปด้วย

เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ทำงานเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เราถูกจัดว่าเป็นบริษัทที่มีความโปร่งใสและการดำเนินการเพื่อสิ่งแวดล้อมลำดับต้นๆ จากการคัดเลือกขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง CDP Forest

นอกจากนี้เรายังภูมิใจที่อยู่ในอันดับสองจากบริษัททั้งหมด 350 บริษัท ในรายงานประจำปี 2020 ของ Forest 500  ซึ่งจะจัดอันดับบริษัทที่มีอิทธิพลในด้านสิ่งแวดล้อม

นี่เป็นเพียงการแสดงความสามารถทางการตลาดหรือไม่? มันจะส่งผลดีได้จริงหรือ?

เราขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทุ่มเททำโครงการฟื้นฟูแนวปะการังระยะยาว 10 ปีนี้ และนี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

การฟื้นฟูปะการังของโครงการ "โฮปรีฟ" สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากนับตั้งแต่ที่เริ่มดำเนินการในปี 2019 ความมีชีวิตชีวาและปลานานาพันธุ์กำลังกลับคืนสู่ท้องทะเล

นอกจากนี้ โครงการของเรายังมีส่วนช่วยเหลือชุมชนเกาะท้องถิ่นใน Bontasua และ Badi ที่อาศัยการจับปลาเพื่อดำรงชีวิตและสร้างรายได้ รวมถึงเพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีการตกปลาต่อไปอีกด้วย

ทำไมเราต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้? เมื่อผลกระทบที่เราได้รับมีน้อยมากหากเทียบกับความใหญ่โตของปัญหา

เรารู้ดีว่าเราไม่สามารถรักษาแนวปะการังของโลกได้เพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม เรามีวิธีการฟื้นฟูที่ได้ผล และกำลังสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้สิ่งชีวิตกลับคืนสู่พื้นทะเล และผู้คนในพื้นที่โดยรอบต่างก็ได้รับประโยชน์

เราแบ่งปันเทคนิคการฟื้นฟูของเรากับผู้ปฏิบัติงานทั่วโลก และส่วนใหญ่ก็เลือกฟื้นฟูแนวปะการังตามแนวทางของเรา ซึ่งก่อให้เกิดขบวนการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวปะการังที่ได้รับการฟื้นฟูแล้ว จะกลายเป็นประโยชน์กับแนวปะการังอื่นๆ ด้วย เพราะจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยของต้นอ่อนปะการังที่รอการเติบโตใหม่ต่อไป

และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราคาดหวังว่าการทำงานของเราจะกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหว  และกระจายข้อมูลความสำคัญของปัญหาให้ผู้คนจำนวนมากที่สุดได้รับรู้ถึงปัญหานี้ เราหวังว่าพวกเค้าจะตระหนักและลงมือแก้ไข เพื่อที่เราจะได้ร่วมมือกันฟื้นฟูแนวปะการังให้กลับมาอุดมสมบรูณ์อย่างในอดีต

อะไรคือผลลัพธ์ที่ได้จากการร่วมมือกับชุมชนบนเกาะที่อยู่ติดกับแนวปะการัง?

เราได้รับเชิญให้เข้าร่วมฟื้นฟูแนวปะการังในหมู่เกาะ Spermonde โดยเฉพาะที่หมู่เกาะ Badi และ Bontosua ซึ่งโครงการ "โฮปรีฟ" เป็นความร่วมมือพิเศษกับชุมชนเกาะ Bontosua โดยเราเข้าไปมีส่วนร่วมและแต่งตั้งทูตชุมชนที่เป็นตัวแทนของกลุ่มทางสังคมที่สำคัญ (เช่น เยาวชน , ผู้หญิง, ชาวประมง) เรามั่นใจว่ากิจกรรมต่างๆ มุ่งเน้นไปที่การสร้างความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนและจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

เราใช้แนวทางการทำงานแบบห่วงโซ่อุปทานเพื่อฟื้นฟูแนวปะการัง โดยเราจะเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามีส่วนร่วมในการทำงานแต่ละส่วนโดยตรง ซึ่งในการทำงานนี้จะช่วยเพิ่มทักษะที่จำเป็น รวมถึงกระจายและขยายการมีส่วนร่วมให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นชุมชนท้องถิ่นจำนวนมากจึงมีส่วนร่วมมากถึง 40 คนต่อการซ่อมแซมแนวปะการังแต่ละครั้ง

การฟื้นฟูยังเพิ่มความหลากหลายและจำนวนพันธุ์ปลาที่สำคัญ และยังช่วยส่งเสริมเรื่องการป้องกันชายฝั่งอีกด้วย

นอกจากนี้เราได้จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการที่เน้นส่งเสริมการดำรงชีวิตตามแนวปะการังอย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนการทำงานร่วมกันของชุมชน และเพิ่มการทำความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูแนวปะการัง โดยมีตัวอย่างการทำงานดังนี้ :

  • การยกระดับพื้นที่ชุมชนที่สำคัญเพื่อใช้ในการแข่งขัน (กีฬา) การแสดง (การแสดงเต้นรำ) และการเฉลิมฉลอง
  • สนับสนุนให้โรงเรียนจัดทัศนศึกษาทั้งบนบกและในน้ำ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของแนวปะการัง (การดำน้ำตื้นและการล่องเรือ)
  • สนับสนุนให้ผู้หญิงในท้องถิ่นตั้งธุรกิจ (เช่น งานหัตถกรรม) และอำนวยความสะดวกทางการค้าในมากัสซาร์ 

แมวจำเป็นต้องกินปลาหรือไม่?

ปลาเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับอาหารแมวคุณภาพเยี่ยมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีคุณภาพสูง น้ำมันปลาจะช่วยส่งเสริมการย่อยอาหาร และช่วยดูแลสุขภาพข้อต่อและเส้นขนให้ดีขึ้น และยังช่วยชะลอผลกระทบที่เกิดอายุที่มากขึ้นอีกด้วย

ทำไมเราถึงเลือกใช้พลาสติกในการฟื้นฟูแนวปะการัง? นั่นเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีกใช่หรือไม่?

เราเลือกใช้สายรัดพลาสติกที่มีความทนทานและแข็งแรง ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและไม่ย่อยสลายในน้ำเกลือ ในขณะนี้พลาสติกเป็นตัวเลือกเดียวที่เรามีอยู่ แต่เรากำลังเสาะหาตัวเลือกอื่นที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพมาใช้แทนในอนาคต

เรากำลังทดสอบตัวเลือกมากมายที่จะสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยเป็นตัวเลือกที่มีอยู่แล้วในตลาด ในขณะเดียวกันก็กำลังตรวจสอบวัสดุและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ด้วย เราจะพยายามใช้พลาสติกให้น้อยที่สุดและนำส่วนที่เหลือจากการตัดทิ้งไปรีไซเคิล